กฏหมายลักษณะนิติกรรมและสัญญา
กฎหมายลักษณะนิติกรรม
“นิติกรรม หมายถึง การใดๆอันกระทำลงชอบโดยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือ ระงับซึ่งสิทธิ”
เช่น การทำพินัยกรรม การรับบุตรบุญธรรม การปลดหนี้ เป็นต้น
นิติกรรม กับ นิติเหตุ
ทั้งนิติกรรมและนิติเหตุต่างก็เป็นมูลเหตุแห่งความสัมพันธ์ทางกฎหมายทั้งสิ้น แต่จะมีข้อแตกต่างคือ
- นิติกรรม เกิดจากความสมัครใจของบุคคลที่จะผูกพันตามกฎหมาย เช่นการทำสัญญา การสมรส
- นิติเหตุ เป็นสิ่งที่บุคคลมิได้สมัครใจที่จะผูกพันกับบุคคลอื่นแต่เพราะมีเหตุการณ์หรือการกระทำบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งกฎหมายกำหนดให้บุคคลเหล่านั้นมีความผูกพันกัน แม้ใจจริงเขาจะอยากมีความผูกพันหรือไม่ก็ตาม
ตัวอย่าง
นายพจน์ขับรถยนต์ด้วยความประมาทชนรั้วบ้านนางเพ็ญจันทร์พังเสียหาย : จะเห็นได้ว่านายพจน์มิได้อยากจะมีความสัมพันธ์อะไรกับนางเพ็ญจันทร์เลยแม้แต่น้อย แต่การกระทำเช่นว่านี้ หากกฎหมายไม่กำหนดความสัมพันธ์เอาไว้ นางเพ็ญจันทร์ก็อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น กฎหมายจึงบังคับให้นายพจน์มีความผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางเพ็ญจันทร์ตามกฎหมายลักษณะละเมิด
แม้นายพจน์จะไม่สมัครใจจ่ายค่าเสียหาย กฎหมายก็บังคับให้จ่าย
เหตุแห่งความผูกพันตามกฎหมาย
(มูลเหตุแห่งหนี้)
- สัญญา - ละเมิด
- การบอกล้างโมฆียะกรรม - จัดการงานนอกสั่ง
- การหมั้น - ลาภมิควรได้
- การทำคำเสนอ - เหตุอื่นๆตามที่
กฎหมายได้บัญญัติ
กฎหมายได้บัญญัติ
- การทำพินัยกรรม
นิติกรรมมีอยู่ 2 ชนิดคือ
1. นิติกรรมฝ่ายเดียว คือ นิติกรรมที่ผู้กระทำสามารถทำได้โดนฝ่ายเดียวโดยไม่ต้องอาศัยบุคคลอื่นให้มีปฏิกิริยากลับมา เช่น การทำคำเสนอ การให้คำมั่น การบอกล้างโมฆียกรรม การบอกเลิกสัญญา เป็นต้น
2. นิติกรรม 2 ฝ่าย คือ นิติกรรมที่ต้องอาศัยการมีปฎิกิริยาระหว่างบุคคลผู้ทำนิติกรรมและผู้รับการกระทำ นิติกรรมจึงจะมีผล นิติกรรม 2 ฝ่ายเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า“สัญญา”
ความสมบูรณ์ของนิติกรรม

1. นิติกรรมที่สมบูรณ์ คือ นิติกรรมที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
2. นิติกรรมที่ไม่สมบูรณ์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
2.1 โมฆะกรรม หรือ นิติกรรมที่เป็นโมฆะ คือ นิติกรรมเสียเปล่า ใช้ไม่ได้มาตั้งแต่ต้น ผู้กระทำย่อมไม่มีความผูกพันตามกฎหมายอย่างใดทั้งสิ้น
2.2 โมฆียกรรม หรือ นิติกรรมที่เป็นโมฆียกรรม คือนิติกรรมที่มีข้อบกพร่องซึ่งอาจมีการบอกล้างหรือมีการให้สัตยาบันในภายหลัง
>>>ถ้ามีการบอกล้าง = นิติกรรมจะกลายเป็นโมฆะแต่ต้น
>>>ถ้ามีการให้สัตยาบัน = นิติกรรมก็จะกลายเป็นนิติกรรมที่สมบูรณ์
ในระหว่างที่ยังไม่ได้มีการบอกล้างหรือให้สัตยาบันนิติกรรมที่เป็นโมฆียะนิติกรรมนั้นก็ยังคงสามารถบังคับตามกฎหมายได้
เหตุที่ทำให้นิติกรรมไม่สมบูรณ์
ก) เหตุที่ทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะ ที่สำคัญมีอยู่ 7 ประการ ได้แก่
1. นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
เช่น สัญญาซื้อขายยาบ้า สัญญารับจ้างฆ่าคน
2. นิติกรรมที่เป็นการพ้นวิสัย
เช่น จ้างแท็กซี่ให้ไปส่งที่ดวงจันทร์
3. นิติกรรมที่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
เช่น การทำสัญญาตกลงอยู่กินกันฉันสามีภริยาสามคน
4. นิติกรรมที่ไม่ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด
แบบของนิติกรรม[2] คือการที่กฎหมายกำหนดไว้ว่า หากจะทำนิติกรรมประเภทนี้ จะต้องมีวิธีการทำให้เหมือนกับที่กฎหมายกำหนดไว้ ; วิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ทำตาม ก้คือแบบนั่นเอง
แบบของนิติกรรม[2] คือการที่กฎหมายกำหนดไว้ว่า หากจะทำนิติกรรมประเภทนี้ จะต้องมีวิธีการทำให้เหมือนกับที่กฎหมายกำหนดไว้ ; วิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ทำตาม ก้คือแบบนั่นเอง
แบบของนิติกรรมมีหลายแบบ แล้วแต่ว่านิติกรรมชนิดนั้นจะกำหนดไว้เช่นไร เช่น
- การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์บางชนิด กฏหมายกำหนด แบบไว้คือ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่
- การจำนอง แบบคือ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่
- การเช่าซื้อ แบบคือ ต้องทำเป็นหนังสือ
- การจัดตั้งบริษัท แบบคือ ต้องจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่
- การสมรส แบบคือ ต้องจดทะเบียนสมรส
5. การแสดงเจตนาลวง คือการสมรู้ ร่วมคิดกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง โดยทำนิติกรรมเพื่อแสดงออกต่อบุคคลภายนอกแต่ในใจจริงมิได้มุ่งประสงค์ตามนั้น
6. นิติกรรมอำพราง คือ การที่บุคคลทำนิติกรรมขึ้นมา 2 อย่าง โดยอย่างหนึ่งเป็นนิติกรรมที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำกันจริงๆ (แสดงเจตนาลวง) แต่เป็นนิติกรรมที่แสดงออกให้บุคคลภายนอกเห็นและมีนิติกรรมอีกอันหนึ่งที่แอบทำกันลับๆ ซึ่งประสงค์จะผูกพันกันจริง
นิติกรรมที่ทำขึ้นมาบังหน้า เรียกว่านิติกรรมอำพราง ตกเป็นโมฆะ
นิติกรรมที่แอบซ่อนเอาไว้ เรียกว่า นิติกรรมที่ถูกอำพราง มีผลสมบูรณ์
7. การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญ ได้
- สำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรม
- สำคัญผิดในตัวบุคคลที่เป็นคู่กรณี
- สำคัญผิดในทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งนิติกรรม
ข) เหตุที่ทำให้นิติกรรมเป็นโมฆียะ ที่สำคัญมีอยู่ 4 ประการ ได้แก่
1. นิติกรรมที่ผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ กระทำลงโดยปราศจากความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี
2. การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สิน
3. การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉล คือ การแสดงเจตนาเพราะถูกหลอก
4. การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่
ระยะเวลาในการบอกล้างหรือให้สัตยาบัน
การบอกล้างหรือให้สัตยาบันนั้นมิใช่ว่าจะสามารถทำเมื่อไรก็ได้ กฎหมายจะกำหนดระยะเวลาเอาไว้ ถ้าเลยจากที่กฎหมายกำหนด ก็จะไม่สามารถทำได้ระยะเวลาที่กฎหมาย
กำหนดไว้คือ “ ไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่รู้เหตุแห่งความเป็นโมฆียะนั้น แต่ต้องไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่วันทำนิติกรรม ”
--------------------
[1] ธันวคม จุลรุจน พุทธมิลินประทีป,เดอะ โรค ทู ลอว์ (เล่ม1) , (กรุงเทพ : เดอ จูเร่ ,2551),59
[2] พวงผกา บุญโสภาคย์ และประสาน บุญโสภาคย์ ,กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องนิติกรรมและสัญญา มหาวิทยาลัยรามคำแหง , พิมพ์ครั้งที่ 4 (กรุงเทพ : นิติธรรม , 2549),36
[2] พวงผกา บุญโสภาคย์ และประสาน บุญโสภาคย์ ,กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องนิติกรรมและสัญญา มหาวิทยาลัยรามคำแหง , พิมพ์ครั้งที่ 4 (กรุงเทพ : นิติธรรม , 2549),36
บรรณานุกรม
ธันวคม จุลรุจน พุทธมิลินประทีป . เดอะ โรค ทู ลอว์ (เล่ม1) กรุงเทพ : เดอ จูเร่ ,2551.
จิตติวัฒน์ ทองนวล และคนอื่นๆ .หนังสือคู่มือเตรียมสอบเข้า นิติศาสตร์ . พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพ :วิทยการพิมพ์,2546
พวงผกา บุญโสภาคย์ และประสาน บุญโสภาคย์ . กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องนิติกรรมและสัญญา มหาวิทยาลัยรามคำแหง . พิมพ์ครั้งที่ 4กรุงเทพ : นิติธรรม , 2549
ศนันท์กรณ์ โสตถิพันธุ์. อธิบายศัพท์นิติกรรม-สัญญา .พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพ :นิตินาถ, 2551
ปริญญา ศรีเกตุ . คำอธิบายกฏหมายลักษณะนิติกรรมสัญญา . กรุงเทพ : สูตรไพศาล , 2550
https://www.facebook.com/law1003.ru
http://www.youtube.com/watch?v=ChAT3XkRkpA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น